แนวทางการบริหารจัดการโลจิสติกส์และซัพพลายเชน เพื่อสิ่งแวดล้อม
แนวทางการบริหารจัดการโลจิสติกส์และซัพพลายเชน เพื่อสิ่งแวดล้อม
ในปัจจุบันแม้ว่าหลายภาคส่วนมีการตื่นตัวในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมหรือภาวะโลกร้อน โดยเฉพาะผู้บริโภคมีการตื่นตัวในเรื่องของการใช้สินค้าหรือบริการที่รักษาและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ขณะที่ในช่วงสองสามปีที่ผ่าน จะมีการรณรงค์ในเรื่องนี้อย่างมาก อย่างในบางเมืองของประเทศออสเตรเลีย มีการรณรงค์เพื่อปิดไฟประมาณ 5-10 นาทีทั้งเมือง ซึ่งแม้จะไม่ก่อให้เกิดผลในเชิงของการลดการใช้เชื้อเพลิงหรือพลังงานมากนั้น แต่สะท้อนให้เห็นถึงการสร้างจิตสำนึกสาธารณะหรือจิตวิทยา ซึ่งเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ที่เป็นบวกต่อการรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งขณะนั้นผมกำลังพักอยู่ในออสเตรเลียพอดีครับ ก็เลยเห็นครับว่าคนออสเตรเลียส่วนใหญ่ตื่นตัวกับเรื่องนี้มาก ดับไฟกันหมดทั้งเมืองเลยครับ หรือแม้แต่ตอนที่ผมเดินเข้าไปซื้อของในร้านค้าปลีกที่นั่น ก็ซื้อข้าวของหลายอย่างครับ พอคิดเงินเสร็จ ก็ไม่มีถุงใส่ให้ผม บอกว่า ลดโลกร้อน ครั้งต่อไป ถ้าผมจะใส่ถุงให้ผมเอามาเอง
สิ่งที่ผมพบดังกล่าวข้างต้นนั้น กำลังสะท้อนให้เห็นครับว่าการตื่นตัวของสังคมและประชาชนส่วนใหญ่ซึ่งเป็นลูกค้าของบริษัทห้างร้านต่างๆ นั้น เป็นแรงกดดันให้ทำให้ผู้ผลิตและผู้จัดส่งสินค้าต้องปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าเหล่านี้ กล่าวคือเมื่อลูกค้าตื่นตัวในการลดการใช้พลังงาน เชื้อเพลิงหรือทรัพยากรต่างๆ เพื่อลดการทำลายสิ่งแวดล้อมหรือการก่อให้เกิดมลพิษ ดังนั้น ผู้ผลิตก็ต้องวางกลยุทธ์เพื่อแสดงให้ลูกค้าหรือผู้บริโภครับรู้ว่า กระบวนการผลิต สั่งซื้อและการจัดส่งสินค้าของตนมีการบริหารจัดการเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมโดยใช้พลังงานหรือใช้ทรัพยากรน้อยที่สุด รวมทั้งในหลายกิจกรรม ผู้ผลิตยังมีการนำเอาวัสดุหรืออุปกรณ์ แพลเล็ตกลับมารียูสหรือรีไซเคิลใช้ใหม่ ซึ่งจะช่วยให้ไม่ต้องใช้ทรัพยากรมาลดผลิตสินค้าใหม่อีก
ทั้งนี้ เมื่อผู้ผลิตสินค้า ซึ่งมีบทบาทในการขับเคลื่อนซัพพลายเชนและมีอำนาจในการกำหนดเกมส์การเล่น เริ่มบีบและกดดันผู้เล่นรายอื่นๆ อาทิ ซัพพลายเออร์ชั้นที่ 1 ซัพพลายเออร์ชั้นที่ 2 คลังสินค้า ศูนย์กระจายสินค้า และบริษัทขนส่ง เป็นต้น ว่าถ้าจะขายสินค้าให้ตน หรือถ้าจะขนสินค้าให้กับตน จะต้องมีแผนการรักษาสิ่งแวดล้อมหรือกลยุทธ์ในการรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะกระตุ้นให้ผู้เล่นรายอื่นๆ เริ่มตื่นตัวและมีการกำหนดกลยุทธ์เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น มิฉะนั้นก็อาจจะเสียลูกค้าหรือขายของไม่ได้ในที่สุด จากกรณีดังกล่าวข้างต้น จะเห็นได้ว่าถ้าผู้เล่นทุกราย มีแผนการรักษาสิ่งแวดล้อมหรือกลยุทธ์ในการรักษาสิ่งแวดล้อมแล้ว เราเรียกว่าผู้เล่นในซัพพลายเชนมีกลยุทธ์ซัพพลายเชนเพื่อสิ่งแวดล้อมหรือ Green Supply Chain และถ้าผู้ให้บริการโลจิสติกส์ อาทิ ผู้ให้บริการขนส่งและคลังสินค้า เป็นต้น มีแผนหรือกลยุทธ์ในการรักษาสิ่งแวดล้อม เราเรียกว่าผู้เล่นเหล่านี้มีกลยุทธ์ Green Logistics หรือระบบโลจิสติกส์เพื่อสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ โลจิสติกส์เพื่อสิ่งแวดล้อม อาจจะเป็นกระบวนการใดก็ได้ในกิจกรรมโลจิสติกส์ซึ่ง กิจกรรมเหล่านี้ อาจจะเป็นกิจกรรมการจัดซื้อ การผลิต การจัดส่งสินค้าหรือแม้แต่กิจกรรมคลังสินค้า เป็นต้นยกตัวอย่างเช่น การขนส่ง คลังสินค้าและการส่งมอบสินค้า ถ้ามีการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจาก การเผาผลาญพลังงานในรูปแบบต่างๆ ในภาคการขนส่ง รวมถึงการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ไปทำลายทรัพยากรธรรมชาติอย่างสิ้นเปลืองและไม่คุ้มประโยชน์ กระแสของการใช้กลยุทธ์โลจิสติกส์เพื่อสิ่งแวดล้อมเป็นการให้ความสำคัญต่อมิติการบริหารจัดการโลจิสติกส์ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม ที่จะมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาวะโลกร้อน อีกทั้ง ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเกิดจากกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์ โดยที่กิจกรรมโลจิสติกส์จะเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้าย รวบรวม จัดเก็บ กระจายสินค้า ซึ่งเกี่ยวข้องกับภาคการขนส่งไม่ว่าจะเป็นการใช้โหมดการขนส่งประเภทใด ซึ่งส่วนใหญ่ก็ยังใช้พลังงานในรูปของน้ำมันฟอสซิล ขณะที่ภาคการผลิตได้เริ่มหันกลับไปใช้พลังงานไฟฟ้าหรือพลังงานอื่น ซึ่งส่วนหนึ่งได้มีการพัฒนาไปสู่พลังงานที่ได้จากแสงแดด พลังงานลม ขณะที่ภาคขนส่งยังต้องพึ่งพิงการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งจะปล่อยของเสียกลับไปในรูปของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ฉบับนี้ มีโอกาสผมจะมาพูดเกี่ยวกับการจะวางกลยุทธ์โลจิสติกส์เพื่อสิ่งแวดล้อมเป็นจุดขายขององค์กรเมื่อเข้าไปประมูลงานหรือแข่งกับคู่แข่งรายอื่นๆ หรือจะใช้เป็นเครื่องมือสำหรับการจัดทำ CSR หรือความรับผิดชอบต่อสังคม ที่หลายบริษัทชั้นนำกำลังประยุกต์ใช้ในปัจจุบัน นอกจากนี้ จะอธิบายถึง HOW TO หรือการเอาการจัดการโลจิสติกส์เพื่อสิ่งแวดล้อมมาปรับใช้กับองค์กรธุรกิจ รวมทั้งเมื่อองค์กรต่างๆ นำเอาการจัดการโลจิสติกส์เพื่อสิ่งแวดล้อมแล้ว จะมีการควบคุมหรือมีการกำหนดตัวชี้วัดอย่างไรเพื่อให้แน่ใจว่ากลยุทธ์โลจิสติกส์เพื่อสิ่งแวดล้อมที่กำลังใช้อยู่ ได้เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและมัดใจลูกค้าในระยะยาวอย่างยั่งยืนตลอดไป
ผมได้คุยอธิบายถึงความหมายของโลจิสติกส์และซัพพลายเชนเพื่อสิ่งแวดล้อม (Green Logistics & Supply Chain) และทำไมบทบาทของโลจิสติกส์และซัพพลายเชนเพื่อสิ่งแวดล้อมจึงมีความสำคัญต่อความรอดขององค์กรและการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันขององค์กรและในอนาคต ขณะที่ฉบับนี้ เราลองมาพิจารณากลยุทธ์การจัดการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนเพื่อสิ่งแวดล้อม (Green Logistics & Supply Chain Strategy) ที่จะนำมาใช้ในการตอบสนองเกี่ยวกับความตื่นตัวของลูกค้าหรือผู้บริโภคในการลดโลกร้อนหรือการส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยผู้เล่นในซัพพลายเชนจะต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการป้องกันและการรักษาสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะการสร้างและการมีจิตสำนึกสาธารณะในการป้องกันและการรักษาสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ นอกจากนี้ จะอธิบายถึงการสร้างระบบโลจิสติกส์เพื่อสิ่งแวดล้อมและการสร้างและซัพพลายเชนเพื่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ก่อนจะจบ ผมจะอธิบายกิจกรรมที่ผู้เล่นจะทำการกระตุ้นและการส่งเสริมให้มีการรักษาและยกระดับการป้องกันและการรักษาสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งการให้รางวัลกับผู้เล่นใน Green Supply Chain เดี่ยวและทั้งระบบ
กลยุทธ์การจัดการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนเพื่อสิ่งแวดล้อม
- การบริหารระบบโลจิสติกส์เพื่อสิ่งแวดล้อม
ก่อนที่เราจะเข้าไปบริหารจัดการระบบโลจิสติกส์เพื่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเข้าไปสร้างซัพพลายเชนเพื่อสิ่งแวดล้อมนั้น เราควรจะต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความหมายและกิจกรรมโลจิสติกส์ต่างๆ รวมทั้งเข้าใจว่าซัพพลายเชนคืออะไรและจะสร้างซัพพลายเชนเพื่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างไร หลังจากนั้นเราจะให้แต่ละกิจกรรมหรือแต่ละกระบวนการโลจิสติกส์ดังกล่าว ช่วยกันลดการใช้ทรัพยากรอันจะก่อให้เกิดมลพิษหรือผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างได้ ยกตัวอย่างเช่น กิจกรรมการขนส่งทางบก ซึ่งปกติจะใช้รถบรรทุกหรือรถหัวลากในการขนส่งสินค้า เพียงแค่เจ้าของรถเปลี่ยนจากการใช้พลังงานจากฟอสซิลเช่นน้ำมันเชื้อเพลิงมาใช้พลังงานทดแทน เช่น ก๊าซเอ็นจีวีหรือพลังงานไฟฟ้า หรือพนักงานขับรถขับรถขับรถด้วยความเร็วประมาณ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยไม่ขับกระโชกไปกระโชกมา มีการเป่ากรองอากาศและดูแลรถอย่างสม่ำเสมอก็เป็นการลดและขจัดมลพิษที่จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติได้แล้ว เพราะการที่รถบรรทุกมีพลังงานสะอาดหรือการที่พนักงานขับรถมีการใช้มาตรการดังกล่าวทำให้เกิดการเผาไหม้ที่สมบูรณ์และการไม่ขับแบบกระโชกไปกระโชกมาก็เป็นการยืดอายุการใช้ยางรถยนต์หรือประหยัดน้ำมัน ทำให้ไม่ต้องทำลายทรัพยากรธรรมชาติต้นน้ำได้
นอกจากนี้การขนส่งสินค้าโดยเพิ่มจำนวนเที่ยวเพื่อเพิ่มการใช้อัตถประโยชน์ (Utilization) ของยานพาหนะ ซึ่งจะทำให้อัตราการกินน้ำมันและการปล่อยก๊าซคาบอนไดออกไซด์กับปริมาณการขนส่งสินค้ามีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ การบริหารการขนส่งดังกล่าวจะช่วยได้ในระดับหนึ่ง เนื่องการขนส่งและกระจายสินค้าจะอาศัยการขนส่งระยะทางไกล เป็นการขนส่งระบบรางซึ่งมีจุดเด่นคือสามารถการขนส่งสินค้าได้ครั้งละมากๆ มีการใช้พลังงานที่ต่ำซึ่งก็หมายถึงมีการปลดปล่อย ก๊าซคาบอนไดออกไซด์ ที่ต่ำด้วย ดังนั้น หากมีการสนับสนุนมีการขนส่งทางระบบรางมากขึ้นก็จะสามารถช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมลดมลพิษต่างๆ ลงได้ โดยเฉพาะผลกระจากโลกร้อนที่มีต้นเหตุจากก๊าซคาบอนไดออกไซด์
- การสร้างและการมีจิตสำนึกสาธารณะในการป้องกันและการรักษาสิ่งแวดล้อม
นอกเหนือจากการใช้กลยุทธ์ดังกล่าวข้างต้น ผู้เล่นในซัพพลายเชนควรจะนำเอาหลักการจัดการ 7R ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำหรับการจัดการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนเพื่อสิ่งแวดล้อม โดยประการแรกคือการปรับระบบความคิดของตนเองหรือผู้เล่นในซัพพลายเชนใหม่ให้คิดหรือตระหนักเกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะการใช้ทรัพยากรที่จะก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม ประการที่สองคือการลดการใช้วัสดุหรืออุปกรณ์ที่ทำร้ายหรือทำลายสิ่งแวดล้อม (Reduce) ประการที่สามคือการนำเอาการใช้วัสดุหรืออุปกรณ์ที่ทำร้ายหรือทำลายสิ่งแวดล้อมกลับมาใช้ใหม่ (Reuse) ประการที่สี่คือการซ่อมวัสดุหรืออุปกรณ์ที่ทำร้ายหรือทำลายสิ่งแวดล้อม (Repair) ประการที่ห้าคือการเปลี่ยนวัสดุหรืออุปกรณ์ที่ทำร้ายหรือทำลายสิ่งแวดล้อม (Replace) ประการที่หกคือการยกเลิกการใช้วัสดุหรืออุปกรณ์ที่ทำร้ายหรือทำลายสิ่งแวดล้อม (Reject) และประการสุดท้ายคือการนำเอาวัสดุหรืออุปกรณ์ที่ทำร้ายหรือทำลายสิ่งแวดล้อมกลับมาใช้ใหม่ (Recycle)
บทสรุป
ผู้บริหารควรจะวางแผนและตั้งเป้าหมายในการบริหารจัดการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนเพื่อสิ่งแวดล้อมซึ่งอาจจะใช้ 7 Green เป็นหลักหรือแนวปฏิบัติ ดังนี้ โดยประการแรกคือผู้ปฏิบัติจะต้องมีจิตใจที่สะอาดหรือมีจิตใจที่มุ่งรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Heart) โดยนำเอาหลักการจัดการโลจิสติกส์เพื่อสิ่งแวดล้อมเข้ามาประยุกต์ใช้ (Green Logistics) โดยลด/ละ/เลิกใช้ทรัพยากรโดยไม่จำเป็นโดยเฉพาะการใช้ทรัพยากรที่จะก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อดึงดูดผู้เล่นให้เข้ามามีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อมโดยลด ละ เลิกหรือขจัดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ (Green Attraction) ยกตัวอย่างการนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้กับระบบการสั่งซื้อสินค้าผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (e-ordering) เช่น ระบบการสั่งซื้อสินค้าของบริษัทบุญถาวรที่เชื่อมโยงกับระบบของบริษัท อเมริกันสแตนดาร์ดบีแอนเค (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นระบบที่รวดเร็ว และทำให้ลดขั้นตอนด้านเอกสาร (paperless) ลงอย่างมาก รวมทั้งลดขั้นตอนความผิดพลาดในการผลิตด้วย
ทั้งนี้ ผู้เล่นควรจะขยายผลโดยให้ผู้เล่นในซัพพลายเชน สร้างเครือข่ายช่วยกันลด/ละ/เลิกใช้ทรัพยากรโดยไม่จำเป็น (Green Community) โดยผู้ผลิตกลางน้ำอาจจะเป็นตัวขับเคลื่อนหลักที่จะกระตุ้นหรือพัฒนาซัพพลายเออร์หรือผู้จัดส่งสินค้าลำดับต่างๆ ที่จะเข้าสู่ระบบโลจิสติกส์เพื่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ผู้เล่นต่างๆ ในซัพพลายเชนควรจะออกแบบและพัฒนากิจกรรมหรือกระบวนการที่ใช้พลังงานหรือทรัพยากรให้น้อยลงแต่สร้างคุณค่า (Value) หรือสร้างงานได้เท่าเดิม โดยอาจจะตั้งเป้าหมายลด/ละ/เลิกใช้พลังงานหรือทรัพยากรการผลิตลงปีละร้อยละ 10 (Green Activity)
นอกจากนี้ควรเลือกใช้บริการที่ให้บริการเหมือนกันแต่ใช้พลังงานหรือทรัพยากรน้อยลง แต่มีระดับคุณภาพการให้บริการเหมือนกัน (Green Service) เช่น หันมาใช้การขนส่งทางเรือ แทนการใช้การขนส่งทางรถบรรทุก เพราะการขนส่งทางเรือมีต้นทุนต่อหน่อยต่ำกว่าทางถนนและขนได้มากกว่า เพียงแต่จะช้ากว่า แต่นั่นหมายความว่าผู้ซื้ออาจจะต้องวางแผนและวางเวลานำ (Lead time) ไว้ให้เหมาะสมและประการสุดท้ายคือการสร้างซัพพลายเชนเพื่อสิ่งแวดล้อม โดยกระตุ้นและสร้างความสัมพันธ์ที่ไว้วางใจซึ่งกันและกันระหว่างผู้เล่นในซัพพลายเชน (Green Supply Chain) โดยมีเป้าหมายร่วมกันในการลด/ละ/เลิกใช้ทรัพยากรโดยไม่จำเป็นโดยเฉพาะการใช้ทรัพยากรที่จะก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม โดยนำเอาการประยุกต์ใช้โลจิสติกส์เพื่อสิ่งแวดล้อมมาเป็นตัวชูโรงหรือจุดขาย รวมทั้งเป็นเครื่องมือทางการตลาดในการสร้างสัมพันธ์กับลูกค้าและใช้เป็นเครื่องมือสำหรับความรับผิดชอบทางสังคมขององค์กรซึ่งทำให้องค์กรมีขีดความสามารถในการแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพและอย่างยั่งยืน
20 มิถุนายน 2564
ผู้ชม 12565 ครั้ง