จากโครงการบางกอกฟรีเทรดโซน สู่ นิคมอุตสาหกรรมบางปะกง

พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์

รุกธุรกิจใหม่ ต่อยอดบทบาทตัวจริง

ผู้พัฒนาอสังหาฯ เพื่ออุตสาหกรรม

ความท้าทายทางเศรษฐกิจ พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปจนถึงการเปลี่ยนผ่านของภาคอุตสาหกรรม ภาคการผลิตรวมถึงโลจิสติกส์ ล้วนเป็นตัวเร่งให้ทุกธุรกิจจำเป็นต้องสร้าง S-Curve ใหม่อยู่เสมอ เช่นเดียวกันกับ บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด หรือ PD ตัวจริงผู้นำวงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรม เบอร์ 1 พื้นที่ Free Zone ของไทยที่ไม่ใช่ผู้เล่นหน้าใหม่แต่เป็นผู้เล่นที่เก๋าเกมในวงการการพัฒนาและบริหารโครงการคลังสินค้าและโรงงานให้เช่ามากกว่า 15 ปี ซึ่งยังคงพัฒนาไม่หยุดนิ่ง ต่อยอดโครงการบางกอกฟรีเทรดโซน (BFTZ) ต่อเนื่อง ขยาย 9 โครงการ ใน 3 ทำเลยุทธศาสตร์ ก่อนสยายปีกสู่ธุรกิจใหม่ “นิคมอุตสาหกรรมบางปะกง” บนพื้นที่ EEC จังหวัดชลบุรี พร้อมรองรับ 7 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ เพื่อยกระดับความแข็งแกร่งของ Ecosystem ในภาคอุตสาหกรรมอย่างครบวงจร

เจาะอินไซต์ Free Zone ทำไมถึงโดนใจผู้ประกอบการ

หากพูดถึงโครงการคลังสินค้า-โรงงาน พื้นที่ Free Zone เขตปลอดอากร “โครงการบางกอกฟรีเทรดโซน” ถือเป็นโครงการลำดับต้น ๆ ที่ผู้ประกอบนึกถึง แต่กว่าจะก้าวขึ้นมาเป็น Top of Mind อยู่ในใจของผู้ประกอบการนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ประสบการณ์กว่า 15 ปีของ พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ คือ Playbook ชั้นดี ที่สั่งสมความต้องการเชิงลึกของผู้ประกอบการในแต่ละอุตสาหกรรม นำมาใช้วางรากฐานและปรับเปลี่ยนการพัฒนาอาคารให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด เสริมด้วยสิทธิประโยชน์จากพื้นที่ Free Zone ช่วยผู้เช่าที่นำเข้า-ส่งออกลดต้นทุนทางภาษี เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ควบคู่ไปกับการดูแลให้คำปรึกษา ดำเนินการขอใบอนุญาตครบวงจรเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ประกอบการไทยและต่างชาติ ส่งมอบพื้นที่ศักยภาพแห่งโอกาสของทุกธุรกิจให้ดำเนินกิจการได้อย่างมั่นคงในระยะยาว จนถึงวันนี้ทุกโครงการของ PD ครอบคลุมพื้นที่เช่ารวมกว่า 1 ล้านตารางเมตร

คุณรัชนี มหัตเดชกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด

คุณรัชนี มหัตเดชกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เล่าถึงเส้นทางการเติบโตของบริษัทฯ “ปัจจุบันเรามีพื้นที่ Free Zone อยู่ในพอร์ตรวมทุกโครงการกว่า 500,000 ตร.ม. ซึ่งนับเป็นหนึ่งในจุดแข็งสำคัญของเรา ที่ผ่านมา Learning Curve ระหว่างทางของเราจะเป็นเรื่องการปรับปรุงพัฒนาโครงการและบุคลากร วางเป้าหมายในการสร้างอาคารให้ตรงตามความต้องการที่แตกต่าง คาดการณ์ให้ถูกว่าผู้ประกอบการแต่ละอุตสาหกรรมที่จะเข้ามานั้น มองหาอาคารรูปแบบใด ควรอยู่ในพื้นที่ Free Zone หรือ General Zone จึงจะได้สิทธิประโยชน์ที่ดีที่สุด เพราะบางธุรกิจอาจจะไม่ได้เหมาะกับ Free Zone  สิ่งเหล่านี้เป็น Know-How อยู่ในตัวของบุคลากร PD ทุกคน เมื่อลูกค้าเชื่อมั่นว่าพื้นที่ของเราตอบโจทย์ สิทธิประโยชน์ใช้ได้จริง ทำให้อัตราการต่อสัญญาอยู่ในระดับที่สูงต่อเนื่อง ลูกค้าบางรายเช่าอาคารเกิน 10 ปีและขยายพื้นที่เช่าเพิ่มเติม หลังจากที่โครงการแรกประสบความสำเร็จ เราค่อย ๆ ต่อยอดสู่ทำเลใกล้เคียงและฉีกออกไปโซนอื่นที่มีศักยภาพและยังคงเป็นทำเลยุทธศาสตร์ของภาคอุตสาหกรรม เช่น วังน้อย, บางปะกง ปัจจุบันมีบริษัทชั้นนำกว่า 300 บริษัทที่อยู่ในโครงการของเรา”

เจาะพื้นที่ยุทธศาสตร์ใหม่ “โครงการ BFTZ 4 บางปะกง” และ “นิคมอุตสาหกรรมบางปะกง”

การติดกระดุมเม็ดแรกถูก ทั้งด้านรูปแบบอาคารหลากหลาย ทำเลที่ใช่ สิทธิประโยชน์และบริการครบวงจร ทำให้ PD ขยายพื้นที่โครงการได้อย่างรวดเร็ว พิสูจน์ผลตอบรับจากโครงการใหม่บนทำเลเดิมในจังหวัดสมุทรปราการ ได้แก่ BFTZ 2 เทพารักษ์ , BFTZ 3 บางนา-ตราด กม.19, BFTZ 6 บางนา-ตราด กม.19 (เฟส 1), BFTZ 7 บางนา-ตราด กม.10 ผู้เช่าเฉลี่ยนทุกโครงการมากกว่า 95%

จากทำเลบางนา-ตราด สมุทรปราการ มุ่งหน้าสู่หมุดหมายใหม่ โครงการ BFTZ 4 บางปะกง และ นิคมอุตสาหกรรมบางปะกง ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของ PD โดยทั้งสองโครงการตั้งอยู่ในพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่รายล้อมด้วยโครงข่ายคมนาคมหลักของภาคตะวันออก ไม่ว่าจะเป็นมอเตอร์เวย์ เส้นทางเชื่อมท่าเรือแหลมฉบัง และสนามบินสุวรรณภูมิ ทำเลเหล่านี้จึงตอบโจทย์ผู้ประกอบการที่ต้องการศูนย์กลางการผลิตและโลจิสติกส์เชื่อมสู่ตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ

โครงการ BFTZ 4 บางปะกง ตั้งอยู่บนถนนบางนา-ตราด กม. 53 จังหวัดฉะเชิงเทรา พื้นที่ให้เช่าทั้งโครงการรวม 190,000 ตร.ม. เป็นโครงการพื้นที่ผังเมืองสีม่วง มีทางเลือกเช่าอาคารในเขตปลอดอากร Free Zone และเขตอุตสาหกรรมทั่วไป General Zone สำหรับความคืบหน้าด้านการก่อสร้าง ขณะนี้พัฒนาแล้วเสร็จประมาณ 130,000 ตร.ม. ด้วยจุดแข็งของโครงการในด้านทำเลและศักยภาพของพื้นที่ ทำให้รองรับได้หลากหลายอุตสาหกรรม สามารถประกอบการได้ทั้งโรงงานผลิตและศูนย์กระจายสินค้า ตัวอย่างอุตสาหกรรมของผู้เช่าภายในโครงการ BFTZ 4 ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิต, อุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร, อุตสาหกรรมบริการ, สินค้าอุปโภคบริโภค, อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์

เจาะศักยภาพ “นิคมอุตสาหกรรมบางปะกง” ธุรกิจใหม่รับโอกาส EEC

ถัดมาไม่ไกลจากโครงการ BFTZ 4 ยังเป็นที่ตั้งของโครงการนิคมอุตสาหกรรมบางปะกง ธุรกิจใหม่ภายใต้กิจการร่วมค้าของ PD ที่ได้เซ็นสัญญาร่วมดำเนินงานกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ไปเมื่อเดือน สิงหาคม 2568 พื้นที่ประมาณ 1,000 ไร่ บริเวณถนนบางนา-ตราด กม.55 ตำบลคลองตำหรุ อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี รับดีมานด์กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายในเขตพื้นที่ EEC โครงการอยู่ใกล้กับถนนบางนา-ตราด เพียง 300 เมตร ห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิ ประมาณ 53.6 กิโลเมตร ท่าเรือแหลมฉบัง ประมาณ 54.5 กิโลเมตร และท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ประมาณ 104 กิโลเมตร คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในปี 2570 โดยแบ่งสัดส่วนการพัฒนาพื้นที่ออกเป็น ที่ดินสำหรับขายประมาณ 680 ไร่

ชื่อ “นิคมอุตสาหกรรมบางปะกง” มีที่มาจากแม่น้ำบางปะกง เพื่อบ่งบอกถึงที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่เด่นชัดและจดจำง่าย อีกทั้งยังสะท้อนความเป็น Landmark ด้านอุตสาหกรรมในพื้นที่นี้ นิคมอุตสาหกรรมบางปะกง ตั้งอยู่บริเวณกิโลเมตรที่ 0 ของจังหวัดชลบุรี ติดริมแม่น้ำบางปะกง แม่น้ำสายสำคัญในภาคตะวันออกของประเทศไทย พาดผ่านรอยต่อระหว่างอำเภอเมืองชลบุรี กับ อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งถือเป็นจุดยุทธศาสตร์เชื่อมต่อกรุงเทพฯ กับเขตอุตสาหกรรมภาคตะวันออกทำให้ผู้ประกอบการมีความได้เปรียบทางด้านการขนส่ง อันเป็นปัจจัยสำคัญของการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ

“การพัฒนานิคมอุตสาหกรรมบางปะกง สะท้อนเส้นทางการเติบโตที่ชัดเจนและความเชี่ยวชาญในการพัฒนาพื้นที่เชิงอุตสาหกรรมของบริษัทฯ เรามุ่งมั่นผลักดันภาคอุตสาหกรรมไทยสู่ความก้าวหน้าอย่างยั่งยืน เน้นทั้งการสร้างแรงดึงดูดการลงทุนจากผู้ประกอบการไทยและต่างประเทศ ตลอดจนการสร้างโอกาสด้านการจ้างงานเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะยาว ที่สำคัญ รองรับ 7 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย รวมถึงอุตสาหกรรม New S-Curve ซึ่งจะเป็นฟันเฟืองสำคัญในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล อาทิ ดาต้าเซ็นเตอร์ เทคโนโลยีคลาวด์ ภายใต้แนวคิดการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ หรือ Eco-Industrial Estate นิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้จะถูกออกแบบพื้นที่โดยคำนึงถึงการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และการอยู่ร่วมกับชุมชนอย่างสมดุล” คุณรัชนี กล่าวทิ้งท้าย