พลิก “กิจกรรมขนส่ง” จากต้นทุนจม…สู่เครื่องจักรทำกำไร

หมวดหมู่: COLUMNIST

พลิก “กิจกรรมขนส่ง” จากต้นทุนจม…สู่เครื่องจักรทำกำไร

โดย: นพพรุจ ธรรมจิโรจ

ผู้เชี่ยวชาญด้าน Logistics Transformation และที่ปรึกษาการพัฒนาองค์กรยุคใหม่

 

 

รถทุกคันคือทุนหมุนของความคิด

 

อย่ามองรถบรรทุกว่าเป็นแค่คันเหล็กที่กินน้ำมัน

มันคือเครื่องผลิตมูลค่า ถ้าเรารู้จักขับด้วยข้อมูลและกลยุทธ์”

 

ในวันที่โลจิสติกส์ไทยมีต้นทุนเฉลี่ยสูงถึง 13.7% ของ GDP (สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกกว่า 3 จุด) คำถามไม่ใช่ว่า จะลดต้นทุนได้ไหม แต่คือ เราจะเปลี่ยนต้นทุนให้กลายเป็นแต้มต่อได้อย่างไร?” ทุกลิตรน้ำมัน ทุกกิโลเมตรที่รถวิ่ง และทุกนาทีของความล่าช้า ไม่ใช่แค่ตัวเลขในบัญชี แต่มันคือ ข้อมูลทองคำที่บอกว่าธุรกิจเราฉลาดแค่ไหน องค์กรที่เข้าใจสิ่งนี้จะมองการขนส่งไม่ใช่ภาระ แต่คือ อาวุธเชิงกลยุทธ์ที่ทำให้ทั้งซัพพลายเชนหมุนเร็วขึ้น ถูกลง และยั่งยืนขึ้น

“Cost vs Value of Transport Activities”

 

มุมมองแบบเก่า

มุมมองใหม่

การขนส่ง = ค่าใช้จ่าย

การขนส่ง = กลยุทธ์ทางการค้า

ลดราคาค่าขนส่ง

เพิ่มคุณค่าการส่งมอบ

วัดด้วยระยะทางและปริมาณ

วัดด้วยความตรงเวลา ความครบถ้วน และความเชื่อมั่น (OTIF)

 

 

 

เส้นทางขนส่ง…คือเส้นทางกลยุทธ์

 รถทุกคันคือข้อมูล และข้อมูลคือกำไรในรูปตัวเลข

  • ใช้ TMS วางแผนเส้นทางให้สั้นที่สุด
  • วิเคราะห์เที่ยวเปล่า (Empty Miles) เพื่อจัดเที่ยวกลับกับคู่ค้า
  • รวมสินค้าแบบ Cross-Docking / Consolidation ให้รถเต็มคันทุกเที่ยว
  • เชื่อม GPS + Dashboard เพื่อดูสถานะ Real-time

 

 รถที่ขับด้วยข้อมูล ย่อมเร็วกว่ารถที่ขับด้วยความเคยชิน

 

 ต้นทุนขนส่งไทยสูงกว่ามาตรฐานโลก 3%

 

ถ้าลดลงเท่าค่าเฉลี่ยโลก ประเทศจะประหยัดได้กว่า 500,000 ล้านบาท/ปี ธุรกิจขนาดกลางสามารถเพิ่มกำไรขั้นต้นได้เฉลี่ย 10–20% ภายใน 12 เดือน (ที่มา: TDRI)

 

OTIF: เข็มทิศใหม่ของโลจิสติกส์ที่ชนะใจลูกค้า

 

ถ้ามีตัวเลขเดียวที่สะท้อน “คุณภาพการบริหารขนส่งได้ชัดที่สุด ตัวนั้นคือ OTIF – On Time In Full หมายถึงการส่งมอบสินค้า ตรงเวลา และครบตามจำนวนทุกครั้ง OTIF ไม่ใช่แค่ KPI แต่มันคือ สัญญาใจทางธุรกิจองค์กรที่รักษา OTIF เกิน 95% จะเห็นผลชัดในสามมิติ:

 

  1. ความเชื่อมั่นของลูกค้า (Customer Trust)ลูกค้ารู้ว่า ของคุณมาถึงแน่
  2. ประสิทธิภาพต้นทุน (Cost Efficiency)ลดการส่งซ้ำ คืนของ หรือการแก้ปัญหาฉุกเฉิน
  3. ข้อมูลเพื่อปรับปรุง (Data-driven Improvement)ใช้ข้อมูล OTIF วิเคราะห์จุดอ่อนและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

 

“OTIF ไม่ใช่แค่ตัวเลข KPI แต่คือดัชนีความเชื่อมั่นของลูกค้าในแบรนด์คุณ

 

Collaboration: แข่งกันด้วยการ “ร่วมมือ”

 

ยุคนี้ธุรกิจที่อยู่รอด ไม่ใช่ผู้ที่ใหญ่ที่สุด…แต่คือผู้ที่ เชื่อมโยงเก่งที่สุด

  • SMEs ในนิคมเดียวกัน แชร์รถเที่ยวกลับ ลดต้นทุน 15–20%
  • ผู้ส่งออกหลายรายรวมสินค้าลงตู้เดียว ประหยัดค่าระวางสูงสุดถึง 30%
  • ห้างค้าปลีกใหญ่รวมสินค้าหลายแบรนด์เข้าคลังเดียว ลดรถเข้า–ออกได้ครึ่งหนึ่ง

 

โลจิสติกส์ไม่ใช่ถนนแห่งการแข่งขันอีกต่อไป แต่คือ “เครือข่ายของความร่วมมือ

 

SLA ที่ดี ดีกว่าราคาที่ถูก

 

ราคาถูกช่วยให้คุณได้ลูกค้าใหม่ แต่ SLA ที่รักษาได้จริง จะช่วยให้คุณได้ “ลูกค้าตลอดชีวิต

 

  • ส่งตรงเวลาไม่น้อยกว่า 95%
  • แจ้งสถานะลูกค้าทันทีเมื่อมีเหตุล่าช้า
  • ประชุมรีวิว SLA รายเดือน ร่วมกันปรับปรุง
  • ใช้ OTIF เป็น KPI กลาง ระหว่างทีมโลจิสติกส์กับลูกค้า

 

คำสัญญาที่ทำได้จริง คือโฆษณาที่ทรงพลังที่สุดในโลกธุรกิจ

 

Green = Lean = Gain

 โลจิสติกส์สีเขียวไม่ใช่เทรนด์หรู แต่คือ “ทางลัดสู่กำไรระยะยาว

 

  • Eco-driving ประหยัดน้ำมัน 5–10%
  • ลดขนาดบรรจุภัณฑ์ น้ำหนักเบา = ขนส่งถูกลง
  • EV Delivery ทดลองใช้รถไฟฟ้าในเส้นทางเมือง
  • Reuse Packaging ลดขยะและสร้างภาพลักษณ์รักษ์โลก

 

“Green Logistics ไม่ได้เพิ่มต้นทุน มันคือการสร้างคุณค่าที่คู่แข่งลอกไม่ได้

 

บทสรุป: พลิกพวงมาลัย เปลี่ยนวิธีคิด

 

เริ่มง่าย ๆ วันนี้

วัดต้นทุนจริงของทุกเที่ยว

รวมรอบส่ง ลดเที่ยวเปล่า

ตั้ง SLA + OTIF ให้เป็นสัญญาใจ

และเล่าเรื่อง ขนส่งที่มีคุณค่าให้โลกฟัง

 

โลจิสติกส์ที่ดีไม่ใช่แค่ส่งของได้เร็ว แต่คือการส่งต่อคุณค่า ที่ทำให้ธุรกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืน

 

“4 เสาหลักของการบริหารขนส่งยุคใหม่”

 

  1. Data-Driven Planningใช้ข้อมูลจริงแทนความเคยชิน
  2. OTIF Monitoringส่งตรงเวลา ครบทุกครั้ง
  3. Collaborative Logisticsร่วมมือแทนแข่งกัน
  4. Green Efficiencyยั่งยืนคือกำไรที่แท้จริง

18 ตุลาคม 2568

ผู้ชม 61 ครั้ง

Engine by shopup.com