สรท. เร่งรัดจัด War Room รับมือความเสี่ยงทางการค้า

หมวดหมู่: TRADE & TRAVEL

สรท. เร่งรัดจัด War Room รับมือความเสี่ยงทางการค้า

 

ดร.ชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) แถลงข่าวร่วมกับนายคงฤทธิ์ จันทริก ผู้อำนวยการบริหาร ระบุว่า ภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนธันวาคม 2567 กับเดือนเดียวกันของปีก่อน (YoY) พบว่า การส่งออกมีมูลค่า 24,765.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 8.7 และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 853,305 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 7.2 (เมื่อหักทองคำ น้ำมัน และอาวุธยุทธปัจจัย พบว่าการส่งออกในเดือนธันวาคมขยายตัวร้อยละ 10.4) ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 24,776.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 14.9 และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 863,930 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 13.4 ส่งผลให้ดุลการค้าของประเทศไทยในเดือนธันวาคม 2567 ขาดดุลเท่ากับ 10.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และขาดดุลในรูปของเงินบาท 10,625 ล้านบาท

 

ภาพรวมการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือนมกราคม – ธันวาคม ของปี 2567 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) พบว่า ไทยส่งออกรวมมูลค่า 300,529.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 5.4 และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 10,548,759 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 7.3 (เมื่อหักทองคำ น้ำมัน และอาวุธยุทธปัจจัย พบว่าการส่งออกในช่วงมกราคม - ธันวาคม ขยายตัวร้อยละ 5.4) ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 306,809.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 6.3 และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 10,896,480 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 3.8 ส่งผลให้ดุลการค้าของประเทศไทยในเดือนมกราคม - ธันวาคม 2567 ขาดดุลเท่ากับ 6,280.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นการขาดดุลในรูปเงินบาท 347,721 ล้านบาท

 

อนึ่ง การส่งออกทั้งปี 2567 เติบโตร้อยละ 5.4 ถือเป็นการเติบโตในระดับที่เกินเป้าหมาย ทำให้ฐานปี 2567 ค่อนข้างสูง สรท. จึงคาดการณ์ส่งออกปี 2568 เติบโตที่ร้อยละ 1-3 (ณ กุมภาพันธ์ 2568) โดยมีปัจจัยเสี่ยงและความผันผวนที่สำคัญต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด ได้แก่ 1) นโยบายของสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้เกิดความผันผวนทางการค้าในระยะต่อไป เช่น การใช้มาตรการทางภาษีศุลกากรกดดันนานาประเทศในประเด็นที่แตกต่างกันออกไป 2) ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ที่ยังไม่มีข้อยุติทั้งกรณี รัสเซีย-ยูเครน และสถานการณ์ในตะวันออกกลาง 3) ค่าเงินบาทยังคงมีความผันผวน เป็นผลมาจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ทำให้ดอลลาร์แข็งค่า และส่งผลให้นักลงทุนเข้าถือสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น 4) ปัจจัยเฝ้าระวังขนส่งสินค้าทางทะเล อาทิ 4.1) การบริหารจัดการเที่ยวเรือและระวางเรือของสายเรือ อาทิ การยกเลิกเที่ยวเรือ (Blank sailing) เพื่อควบคุมปริมาณกองเรือในตลาด เป็นต้น 4.2) ผลกระทบเปลี่ยนกลุ่มพันธมิตรสายเรือ ส่งผลต่อการปรับเปลี่ยนเส้นทางและตารางการเดินเรือ ซึ่งอาจมีผลให้การหมุนเวียนตู้คอนเทนเนอร์ในตลาดล่าช้า 4.3) ความแออัดของท่าเรือแหลมฉบัง ส่งผลต่อต้นทุนค่าขนส่งผู้ประกอบการเพิ่มขึ้น มีความเสี่ยงต่อการส่งมอบสินค้าให้ทันตามกำหนดส่งมอบในสัญญาซื้อขาย และส่งผลให้ปัญหามลพิษทางอากาศและฝุ่นควัน PM 2.5 ในประเทศ รุนแรงมากขึ้น 5) ประเด็นอื่นๆ อาทิ 5.1) ต้นทุนผู้ประกอบการ ทั้งในส่วนของต้นทุนพลังงาน ต้นทุนค่าแรง ต้นทุนทางการเงิน ยังค่อนข้างสูง ส่งผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาดโลก 5.2) ความพร้อมของประเทศไทยในการรับมือกับรูปแบบและมาตรการทางการค้าใหม่ รวมถึงมาตรการตอบโต้อื่น

 

ทั้งนี้ สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย มีข้อเสนอแนะที่สำคัญ ดังนี้ 1) เร่งรัดให้มีการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและภาคเอกชน กระทรวงพาณิชย์ (กรอ.พณ.) รายเดือนหรือรายไตรมาส เพื่อติดตามสถานการณ์ความผันผวนการค้าระหว่างประเทศ 2) จัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง อาทิ การเข้าร่วมงานแสดงสินค้า การโปรโมทสินค้าในรูปแบบออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มที่มีชื่อเสียงระดับโลก รวมถึงการจัดคณะผู้แทนทางการค้าไปเยือนประเทศคู่ค้าสำคัญ3) เร่งเจรจาการค้าเสรีและจัดทำข้อตกลงความร่วมมือทางการค้ากับคู่ค้าสำคัญ รวมถึงเร่งเจรจาทวิภาคีกับสหรัฐอเมริกา เพื่อรักษาผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างทั้งสองประเทศ 4) ส่งเสริมการลงทุนของไทยในประเทศเป้าหมาย เพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการกีดกันทางการค้า 5) ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับดูแลการผลิตเพื่อส่งออกให้สอดคล้องกับมาตรฐานสินค้าของประเทศคู่ค้าปลายทาง ทั้งในส่วนของสถานประกอบการทั่วไป และสถานประกอบการในพื้นที่ Free Zone 6) ขอให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งประสานความร่วมมือดำเนินการแก้ไขปัญหาการจราจรแออัดภายในท่าเทียบเรือแหลมฉบังโดยด่วน.

04 กุมภาพันธ์ 2568

ผู้ชม 52 ครั้ง

Engine by shopup.com